ประวัติ Robert Burns

Posted by

Robert Burns เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ปี 1759 ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักกวีแห่งชาติที่มีหลากหลายฉายา เขาเป็นคนชาวสกอตที่มีทักษะความสามารถในด้านการแต่งเพลงและบทกวี จนได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นกวีเอกประจำชาติของสกอตแลนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ผลงานส่วนใหญ่ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาสกอตอย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเขียนกวีเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ชมนอกประเทศได้เป็นอย่างมาก ผลงานการเขียนของ Burns มักจะสอดแทรกความเห็นทางการเมืองลงไปด้วยเสมอ นั่นอาจทำให้บางครั้งเขาถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยอยู่เช่นกัน

ในสมัยที่เขามีชีวิตอยู่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหว “Romantic movement” หลังจากการเสียชีวิตก็ยังได้กลายเป็นแหล่งแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั้งในด้านเสรีนิยมและสังคมนิยม รวมถึงได้ถูกมอบว่าเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศสกอตแลนด์ การประสบความสำเร็จของเขาทรงอิทธิพลอย่างมากในด้านวรรณคดีสกอตของช่วงยุค 19 – 20 ในปี ค.ศ. 2009 Burns ได้รับเลือกให้เป็นชาวสกอตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยการโหวตจากชาวสกอตที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง STV

นอกจากผลงานในด้านกวีแล้ว Robert Burns ยังเป็นคนที่ชื่นชอบผลงานเพลงพื้นเมืองที่แพร่หลายในประเทศ เขาได้นำมาแก้ไขใหม่ หรือประยุกต์เข้ากับผลงานของเขา เช่นหนึ่งในบทกวีนั้นคือ “Auld Lang Syne” ที่มักจะร้องกันในช่วงเวลา “Hogmanay” คือช่วงวันสุดท้ายของปี หรือ วันปีใหม่ของสกอตนั่นเอง รวมถึงผลงานชิ้นเอกอย่าง “Scots Wha Hae” ที่กลายเป็นเพลงประจำชาติอย่างไม่เป็นทางการ ในด้านกวีรวมถึงผลงานเพลงอื่นๆ ของ Burns ยังมีอีกหลายสิบชิ้นที่เป็นรู้จักได้เช่น A Red, Red Rose, Ae Fond Kiss, และ To a Louse

ปัญหาด้านสุขภาพและการเสียชีวิต

Burns กลายเป็นคนที่มีโอกาสในอาชีพมากกว่าที่เคยมีมาในชีวิต แต่กลับจมปลักอยู่กับที่แถมยังมีความเห็นแปลกแยกจากเพื่อนฝูงทั้งหลายเช่นความเห็นส่วนตัวในการปฏิวัติฝรั่งเศสและอเมริกา รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนการปฏิรูปให้คะแนนสำหรับผู้ชายทุกคน ในด้านมุมมองทางการเมืองมีความแสดงออกในความพยายามที่จะพิสูจน์ความจงรักภักดีของเขาต่อพระมหากษัตริย์อย่างมาก ด้วยการเข้าร่วม Royal Dumfries ในปี ค.ศ. 1795

หลังจากนั้นมันก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพของเราในระยะยาว เมื่อเช้าวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1796 Burn เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี งานศพถูกจัดขึ้นอย่างสมฐานะในวันเดียวกับที่ลูกชาวของ Maxwell ได้ถือกำเนิดขึ้น ร่างของ Burns ถูกนำไปฝังไว้ที่หัวมุมของ Michael’s Churchyard โดยมีศิลาจารึกที่ทำโดย Jean Armour ต่อในเดือน กันยายน ค.ศ. 1817 ร่างของเขาก็ถูกย้ายไปที่ Burns Mausoleum หลังจากนั้นร่างของ Jean Armour ก็ถูกฝังร่วมกับเขาหลังจากที่เธอเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1834